เรื่องที่ควรรู้ในการถมดิน ก่อนสร้างสิ่งปลูกสร้าง
ก่อนการปลูกบ้าน สร้างสิ่งก่อสร้าง อาคารต่างๆ สิ่งที่เราควรต้องดำเนินการก่อน นั่นคือ การถมดิน ปรับหน้าดินให้ดี ให้มีการเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งปลูกสร้างในอนาคต การถมดินก่อนการสร้างนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้าและศึกษารายละเอียดว่าควรต้องถมสูงเท่าไรจึงจะเหมาะสม การเลือกใช้ชนิดดิน และต้องดูปัจจัยอื่นๆอีกหลายอย่าง เช่นการทรุดตัวของดิน การระบายน้ำในพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อให้รอบคอบที่สุด ไม่ก่อให้เกิดปัญหาภายหลังในระยะยาว และแน่นอนครับ วันนี้ TOMTEETOMDIN เรมีคำแนะนำมาฝากกันครับ
ลักษณะของพื้นที่ที่จะทำการปรับถมดิน
เบื้องต้นควรศึกษาพื้นที่ที่จะทำการถมดิน ดินมีลักษณะแบบใด เคยมีประวัติน้ำท่วมมาก่อนหรือไม่ ต้องถมสูงกว่าถนนแค่ไหน ควรสอบถามผู้อยู่อาศัยจริงบริเวณนั้นๆด้วย ว่า การระบายน้ำดีเพียงใด มีการระบายน้ำอย่างไร ปัญหาต่างๆ จะนำมาสู่การอ่อนตัวของดิน เมื่อทราบปัญหาของพื้นที่เราจะได้ทำการอัดดินให้แน่นกว่าปกติ
สังเกตุต้นไม้บริเวณพื้นที่ดิน
ต้นไม้ที่ขึ้นบริเวณที่ดินแถวนั้นสามารถบอกความอ่อนตัวและแข็งตัวของดินได้ เช่น ต้นมะขามเทศ ต้นกระถินหากมีขึ้นบริเวณนั้นแสดงว่า ที่ดินแถวนั้นมีความแห้ง แต่ถ้าเป็นต้นกก ต้นอ้อ ต้นธูปฤาษี จะชอบดินที่มีความแฉะ แสดงว่าดินบริเวณนั้นอ่อนตัวมีความชื้นแฉะสูง
ระดับความสูงของพื้นที่ที่จะถมดิน
การถมที่ดินนั้นจะต้องมีการกำหนดระยะความสูงของดินที่จะถม ซึ่งควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ระดับของพื้นถนน ระดับของพื้นที่ปกติที่น้ำท่วมถึง ความสูงของบ้านหลังอื่นๆ หรือพื้นที่ดินเปล่า โดยทั่วไป การถมที่ดินจะให้มีความสูงกว่าถนนประมาณ 50-80 เซ็นติเมตร หรือบางพื้นที่ที่อาจต้องถมดินให้สูงถึง 1 เมตร เพื่อเผื่อไว้สำหรับการยุบตัวของดินในอนาคต
ควรถมดินทิ้งไว้นานเท่าใด
สำหรับพื้นที่ที่ถมดินเรียบร้อยแล้ว ไม่ควรดำเนินการสร้างบ้านหรืออาคารทันที ควรทิ้งระยะเวลาให้ผ่านไประยะหนึ่ง เพื่อให้หน้าดินมีการเซตตัวและไม่เกิดการทรุดตัวมากในระยะยาว
การถมดินยิ่งสูงจากระดับเดิมมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสทรุดตัวได้มากเท่านั้น ดังนั้นจึงควรถมทิ้งไว้ก่อนสร้างบ้าน 6 – 12 เดือน หรือหากมีเวลาน้อยอาจใช้ใช้รถบดอัดดินช่วยร่นเวลา หรือใช้ทั้งรถบดอัดดินและทิ้งระยะเวลารอดินเซตตัว ยิ่งจะทำให้การปรับหน้าดินก่อสร้างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ลักษณะดินที่เหมาะกับการใช้ถมดิน
ดินดาน หรือซีแล็ค : เป็นดินที่มีลักษณะแห้ง นิยมมาใช้เมื่อมีความต้องการปลูกสร้างหลังถมดิน ปรับหน้าดินเสร็จทันที บดอัดได้ดี เหมาะสำหรับการใช้ถมทำพื้นที่ถนน หรือที่ดินที่อยู่บริเวณริมน้ำ
ดินทราย : จำเป็นต้องใช้การบดอัดให้แน่น เนื่องจากดินทรายจะประกอบด้วยทรายไม่น้อยกว่า 70% เกิดการกัดกร่อนได้ง่าย และไม่อุ้มน้ำ หากอัดไม่เน่น อาจเกิดปัญหาดินทรุดตัว และไหลออกบริเวณข้างเคียง ส่วนสาเหตุที่เลือกใช้ดินทรายในการถมที่ เนื่องจากเป็นดินที่ใช้ต้นทุนต่ำ ราคาถูกซึ่งมักใช้กันในโครงการจัดสรร
ดินลูกรัง : เป็นดินที่ค่อนข้างแข็ง ยิ่งตอนเป็นดินที่แห้งจะยิ่งแข็ง มีสีน้ำตางหรือแดง เหมาะสำหรับใช้ถมทำถนนคอนกรีต เพราะบดให้อัดแน่นได้ดี แต่เป็นดินที่ไม่เหมาะกับการใช้ปลูกต้นไม้ เนื่องจากแห้งเกินไป
ดินเหนียว : เป็นดินที่มีเนื้อละเอียด สามารถอุ้มน้ำได้ดี หาง่าย ต้นทุนไม่สูง ดินชนิดนี้เป็นที่นิยมในการใช้ถมที่ ในบริเวณกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
ดินประเภทหน้าดิน : เป็นดินที่อยู่บริเวณพื้นผิวดินด้านบน มีสีดำ ระดับตั้งแต่ 0.00-0.50 เมตร หรืออาจลึกกว่านี้เล็กน้อย เป็นดินที่เหมาะกับการใช้ปลูกต้นไม้ เนื่องจากมีแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับพืช ทำให้ดินประเภทนี้มีต้นทุนสูงกว่าดินประเภทอื่น
อ่านเพิ่มเติม https://www.tomteetomdin.com/how-many-types-of-landfills/
เมื่อรู้แล้วว่า ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อการถมดิน การปรับหน้าดิน และดินลักษณะไหนที่เหมาะสมกับพื้นที่แบบต่างๆ เพื่อเตรียมพื้นที่ก่อนก่อสร้าง ยังจำเป็นต้องมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำ ให้คำปรึกษาและใช้เครื่องจักรในการถมดิน ปรับพื้นที่ เพื่อให้การวางรากฐานสำหรับการสร้างบ้านนั้นมีมาตรฐานและแข็งแรงยิ่งขึ้น
TOMTEETOMDIN บริการถมดิน เครียร์ริ่ง ปรับพื้นที่ ด้วยเครื่องมือ เครื่องจักรที่ทันสมัย พร้อมให้คำปรึกษาด้วยประสบการณ์ทำงานมากกว่า 10 ปี
บริการรับเหมาถมที่ถมดิน ชลบุรี ระยอง และพื้นที่ใกล้เคียง
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
065 359 3553, 093 395 9395 (คุณเท่ ดูโอ้)